วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2561

หนุ่มคลั่ง บุกทุบห้องสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลบางแสนพังเละ หวิดดับคาสารเคมี

วานนี้(31 มี.ค.) เฟซบุ๊กเพจ SV News ข่าวบางแสน ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า สภ.แสนสุข จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งจาก รปภ.ว่ามีคนคลุ้มคลั่งบุกเข้ามาภายในสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลบางแสนและทุบกระจกแตกหลายจุด เจ้าหน้าที่จึงรีบไปตรวจสอบพร้อมกับ รปภ. พบชายอายุประมาณ 25 ปีอยู่ในอาการคล้ายคนเมายา
โดยเจ้าหน้าที่ รปภ.พยายามเข้าไปใกล้หนุ่มคนดังกล่าวก็มีอาการตื่นตกใจและวิ่งหนีเข้าไปภายในห้อง จุลชีว ซึ่งเป็นห้องสารเคมีและห้องเก็บตัวอย่างสัตว์ทะเลและพืชชนิดต่างๆ รวมถึงมีอุปกรณ์ต่างๆเครื่องตรวจสภาพน้ำและอื่นๆ ซึ่งบางอย่างมีราคาแพงเพราะต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศ โดยชายคนดังกล่าวทุบกระจกและเข้าไปภายในห้องและทุบทำลายข้าวของทุกอย่างจนพังเละ ส่วนชายคนดังกล่าวได้รับบาดเจ็บถูกกระจกบาดที่มือจนเลือดไหลนองเต็มห้อง



เจ้าหน้าที่พยายามจะเข้าไปควบคุมตัวแต่เข้าไปไม่ได้ เนื่องจากห้องดังกล่าวเป็นห้องเก็บสารเคมีซึ่งมีกลิ่นแรงมากไม่สามารถเข้าไปได้ แต่ชายคนดังกล่าวนอนนิ่งอยู่ข้างในห้องเกรงจะเสียชีวิต เพราะสารเคมีมีกลิ่นแรงมาก รปภ.จึงจะพยายามเข้าไปช่วย จนกระทั่งชายคนดังกล่าวพยายามเดินออกมาและนอนอยู่หน้าห้อง หัวหน้า รปภ.จึงพยายามเข้าไปเกลี้ยกล่อมจนกระทั่งชายคนดังกล่าวยอมออกมาจากห้อง ชายคนดังกล่าวมีอาการพูดจาไม่รู้เรื่อง มีบาดแผลที่แขนและมือ จากการสอบถามทราบว่าชื่อนายพิทักษ์ อายุ 26 ปี เป็นคนจังหวัดหรองบัวลำภู มาทำงานก่อสร้าง รปภ.จึงรีบนำตัวส่ง โรงพยาบาล ม.บูรพาต่อไป
 ที่มา : news.mthai.com

พบสารเคมีรั่ว ซอยกรุงเทพกรีฑา 35 เจ้าหน้าเร่งตรวจสอบ

วันนี้ (18 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งเหตุพบสารเคมีถูกทิ้งลงแหล่งน้ำ บริเวณหน้า บริษัท คอมฟอร์ม จำกัด ตรงข้ามซอย
กรุงเทพกรีฑา 35 ถนนกรุงเทพกรีฑา แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สำนักอนามัย เจ้าหน้าที่เขตสะพานสูง ดับเพลิงหัวหมาก และห้วยขวางรุดที่เกิดเหตุ พร้อมนำเครื่องตรวจวัดสารเคมีเพื่อตรวจสอบ พบเป็นสารเคมีรั่วไหลออกมากจากบริษัท คอมฟอร์ม จำกัด ลงไปที่บริเวณบ่อระบายน้ำด้านหน้าบริษัทจำนวน 3 บ่อ ทำให้น้ำในบ่อที่ 1 และบ่อที่ 2 ลักษณะของน้ำเป็นสีชมพู และบ่อที่ 3

ลักษณะเป็นสีดำมีคราบน้ำมันปะปน โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบชนิดของสารเคมีดังกล่าว และป้องกันสารเคมีรั่วไหลลงสู่คลองสาธารณะ ทั้งนี้ ได้มีการกั้นบริเวณโดยรอบเพื่อป้องกันเหตุและห้ามประชาชนเข้าใกล้ในพื้นที่
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบเป็นสาร Kerosene ลักษณะเป็นของเหลวไวไฟ มีคุณสมบัติกัดกร่อน pH5 กระจายตัวในท่ออระบายน้ำหน้าโรงงานประมาณ 200 เมตร ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ใช้กระดาษซับสารที่อยู่บริเวณผิวหน้าและตักใส่ถุง และใช้สารสลายคราบไขมันฉีดพ่น เพื่อกำจัดคราบสารเคมี
ที่มา : news.mthai.com

แฉสารพิษแหลมฉบังรั่ว อันตรายติดอันดับ6โลก แม่ค้าตาย1อาเจียนก่อนทรุด นร.ป่วยระนาว นายกฯสั่งสอบด่วน

  
แฉสารพิษแหลมฉบังรั่ว อันตรายติดอันดับ6โลก แม่ค้าตาย1อาเจียนก่อนทรุด นร.ป่วยระนาว นายกฯสั่งสอบด่วน
ผู้ว่าฯชลบุรีระบุ "สารเคมีโซเดียม เปอร์ซัลเฟต" ที่รั่วในท่าเรือแหลมฉบัง เป็นสารอันตรายติดอันดับ 1 ใน 6 ของโลก ทำ นร.ป่วยระนาว มีผื่นขึ้น-เป็นลม สั่งอพยพคนห่างนิคมอุตฯ แม่ค้าตายแล้ว 1ราย มีอาการแสบตา-คันตัว-อาเจียน ถึง รพ.กลับทรุดหนักส่งนิติเวชหาเหตุตาย นายกฯสั่งสอบด่วน กทท.อ้างเคลียร์แล้วปลอดพิษ แต่ สธ.ยังควบคุม




ผู้สื่อข่าว "มติชน"ประจำ จ.ชลบุรี รายงานความคืบหน้ากรณีสารเคมีโซเดียม เปอร์ซัลเฟต (Sodium persulfate) หรือสารฟอกขาว เกิดรั่วไหลจากตู้คอนเทนเนอร์ 1 ตู้ น้ำหนัก 22 ตัน ท่าเรือ B3 ท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ขณะบริษัท อีสเทิร์น แหลมฉบัง เทอร์มินัล จำกัด เตรียมขนส่งให้บริษัท ยามาฮัตซึ ประเทศไทย (จำกัด) นำไปเป็นวัตถุดิบเพื่อผลิตยาย้อมผม เมื่อค่ำวันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา จากนั้นฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณโดยรอบ ทำให้ประชาชนใกล้เคียงเกิดอาการระคายเคืองหายใจไม่ออกและเข้ารักษาที่โรงพยาบาล (รพ.)ใน จ.ชลบุรีหลายรายว่า ล่าสุด เมื่อเวลา 09.30 น.เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ขณะที่นักเรียนโรงเรียนวิศวกรรมแหลมฉบัง ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี กำลังเรียนอยู่ในห้องเรียน ปรากฏกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรงพัดเข้ามาภายในโรงเรียน ทำให้นักเรียนเกิดอาการแพ้มีผื่นขึ้นตามใบหน้า ลำตัว บางคนเป็นลม ต้องนำตัวส่ง รพ.สมเด็จพระบรมราชเทวี ศรีราชา ประมาณ 10 คน


ขณะที่ประชาชนใน ต.อ่าวอุดมที่อาศัยอยู่บริเวณข้างเคียงกับนิคมอุตสาหกรรมก็ทยอยเข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.อ่าวอุดมอีกจำนวนหนึ่งได้อพยพออกมาพักชั่วคราวอยู่บริเวณลานวัดแหลมฉบังเก่า หมู่ 3 ต.ทุ่งศุขลา อ.ศรีราชา ห่างจากท่าเรือ 3 กิโลเมตร โดยมีแพทย์และพยาบาล จาก รพ.อ่าวอุดม สาธารณสุขอำเภอ เข้าช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสารเคมี พบว่า ด.ญ.ศิริลักษณ์ กุลบุตร อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.6 มีอาการแพ้สารเคมี มีอาการเจ็บคอและผื่นขึ้นเต็มหน้า ด.ญ.ณภัสรา นาทัน อายุ 12 ปี ไอ เจ็บคอ และตาแดง มีเลือดกำเดาไหลออกทางจมูก โรงเรียนบ้านแหลมฉบังเก่ามีคำสั่งปิดโรงเรียนโดยไม่มีกำหนดจนกว่าท่าเรือแหลมฉบังจะประกาศว่าปลอดภัยจากสารเคมี


สำหรับผู้ป่วยที่นอนรักษาตัว 5 ราย ใน รพ. 3 แห่ง ได้แก่ รพ.แหลมฉบังอินเตอร์ 2 ราย คือ นายสกรรจ์ ฤทธิ์นภา อายุ 16 ปี มีอาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน น.ส.พนม จุนผักแร้น อายุ 33 ปี วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน รพ.สมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา 2 ราย คือ นายสุวิทย์ ศรีพรจัน อายุ 34 ปี มีอาการแน่นหน้าอก แสบคอ และนายเกรียงไกร ทาคำ อายุ 29 ปี วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน และ รพ.พญาไท คือ นายสากล พิมพ์มาลี อายุ 47 ปี มีอาการแสบคอ อาเจียน ทุกรายอาการปลอดภัยแล้ว


จนกระทั่ง เวลา 15.00 น. นางสุนีย์ พู่เพ็ชร อายุ 53 ปี แม่ค้าขายอาหารบริเวณชายหาดแหลมฉบัง มีอาการอาเจียน แสบตา และเกิดอาการคันเนื้อคันตัวเหมือนกับผู้ที่ได้รับสารเคมีทั่วไป ได้เดินทางมารักษาตัวที่ศูนย์ช่วยเหลือบริเวณวัดแหลมฉบังเก่า โดยมีแพทย์และพยาบาลให้การช่วยเหลือผู้ได้รับสารเคมี ซึ่งอยู่ใกล้กับท่าเรือแหลมฉบัง หลังจากนั้น อาการเริ่มหนักขึ้นจึงได้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลอ่าวอุดม และเสียชีวิตในเวลาต่อมา


แพทย์ลงความเห็นว่าหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ทางด้านญาติของนางสุนีย์ไม่เชื่อว่ามาจากหัวใจล้มเหลว แต่สาเหตุมาจากสารเคมีที่มีการฟุ้งกระจายที่ท่าเรือแหลมฉบัง เพราะปกติเป็นคนร่างกายแข็งแรง ทางโรงพยาบาลจึงได้ส่งศพไปสถาบันนิติเวช เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตต่อไป


เมื่อเวลา 18.00 น. วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่อาคารรัฐสภาถึงเหตุการณ์สารเคมีรั่วไหลที่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ว่ามีการดำเนินการช่วยเหลืออยู่ ซึ่งล่าสุดมีรายงานเรื่องการเสียชีวิต แต่ได้สั่งให้มีการตรวจสอบแล้วว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร


ด้านนายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมประชาชนใน ต.แหลมฉบัง และตรวจสอบจุดเกิดเหตุ จากนั้นให้สัมภาษณ์ว่า ได้สั่งนายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กำหนดเขตพื้นที่เฝ้าระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากผู้ได้รับสารพิษครั้งนี้ไม่น้อยกว่า 400 คน เข้ารับการรักษาไม่น้อยกว่า 40 กว่าคน มีผู้เสียชีวิตอายุประมาณ 65 ปีอีก 1 คน ซึ่งต้องรอผลการพิสูจน์ว่าเกิดจากสารเคมีรั่วหรือไม่ สำหรับผลการตรวจสารพิษจากกรมควบคุมมลพิษเวลา 14.00 น.วันนี้ (26 พ.ย.) ไม่พบสารกลุ่มสารซัลเฟอร์ในอากาศแล้ว


นายเสนีย์ จิตตเกษม กล่าวว่า สารเคมีโซเดียม เปอร์ซัลเฟตถือเป็นสารเคมีที่อันตรายติดอันดับ 1 ใน 6 ของโลก จึงต้องเร่งตรวจสอบทั้งดินและน้ำบริเวณที่เกิดเหตุ รวมทั้งอากาศว่ามีสารเคมีปนเปื้อนด้วยหรือไม่


นายเฉลิมเกียรติ สลักคำ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง กล่าวถึงสาเหตุสารเคมีรั่วไหลไปทั่วบริเวณนิคมฯว่า เวลา 21.00 น.วันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษเข้ามาตรวจสอบและทำลายสารเคมีที่รั่วไหลเมื่อช่วงเย็นวันที่ 25 พฤศจิกายน แต่เมื่อเปิดตู้คอนเทนเนอร์ปรากฏว่า สารเคมีระเหยขึ้นมาอีก ประกอบกับช่วงนั้น มีลมกรรโชกอย่างรุนแรงทำให้ลอยไปในอากาศ


นางสุนิดา สกุลรัตนะ รักษาการผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) กล่าวว่า กทท.ได้ส่งนักเคมีเข้าไปตรวจสอบบริเวณจุดเกิดเหตุแล้ว ไม่พบสารตกค้างที่จะส่งกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จึงประกาศให้เป็นพื้นที่ปลอดภัย และพนักงานเข้าไปทำงานตามปกติแล้ว ส่วนรายที่เสียชีวิต 1 รายนั้นไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่หากตรวจพบว่า เกี่ยวข้องก็พร้อมรับผิดชอบ


นางอัมพรนิติศิริ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตไม่ได้เกิดจากการได้รับสารเคมีดังกล่าว แต่เสียชีวิตจากโรคลมชัก เป็นโรคประจำตัวของผู้ตาย


นายศิริพงษ์ หังสพฤกษ์ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ยังระบุไม่ได้ว่าต้องใช้เวลากี่วันจึงจะขจัดสารและกลิ่นตกค้างได้หมด แต่ได้จัดใช้ปูนขาวใส่ลงไปในระบบบำบัดน้ำแล้ว เพื่อปรับค่าความเป็นกรดด่างให้อยู่ในสภาพสมดุล ขอให้ชาวบ้านสบายใจว่าจะไม่มีสารพิษตกค้างอย่างแน่นอน

ที่มา : www.parliament.go.th

พนักงานโรงงานจิวเวลรี่ที่เกิดควันพิษรั่ว ยังมีอาการคลื่นไส้เวียนศีรษะ

พระนครศรีอยุธยา 16 ก.ค. – พนักงานโรงงานแมรีกอท จิวเวลรี่ ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยังคงมีอาการคลื่นไส้ เวียนศีรษะ หลังเกิดควันพิษรั่วซึมเมื่อวานนี้
หลังเกิดเหตุ และมีพนักงานถูกนำส่งโรงพยาบาลกว่า 100 คน ในช่วงเช้าวันนี้ ยังพบว่าพนักงานที่เข้าไปทำงานมีอาการคลื่นไส้ เวียนศรีษะ และมีอาการระคายเคือง ต้องนำส่งโรงพยาบาลเพิ่มอีก 29 คน ทำให้ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา? อุตสาหกรรมจังหวัด และเจ้าหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมของนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค บางปะอิน เข้าไปตรวจสอบว่ามีสารพิษตัวอื่นรั่วไหลอยู่หรือไม่
ส่วนในช่วงบ่าย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จะเดินทางมาตรวจสอบและรับฟังคำชี้แจงจากผู้บริหารโรงงานเกี่ยวกับเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น .-สำนักข่าวไทย


ที่มา : news.mthai.com

สารเคมีโรงงานในอมตะนครรั่ว หนีตายวุ่น

4 มิย. รายงานข่าวแจ้งว่า เกิดเหตุสารเคมีในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนครจังหวัดชลบุรีรั่ว ที่เกิดเหตุเกิดขึ้นบริเวณ เฟส 5 เป็นบริษัทผลิตและชุบเคลือบสารเคมีของอะไหล่รถยนต์ บริษัท สยาม คิปเปอร์ เมนูเฟชชันริงส์
ทั้งนี้ ขณะเกิดเหตุพนักงานเข้าทำงานตามปกติ จนเมื่อสารเคมีรั่วไหล พนักงานจำนวนมากจึงสูดดมสารเคมีเข้าไป ทำให้มีอาการแพ้ แสบจมูก คลื่นไส้ อาเจียนกว่า 14 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลพานทอง
ขณะเดียวกัน ได้มีการลำเลียงพนักงานที่มีอยู่ประมาณ 100 กว่าคนออกนอกตัวอาคาร และเรียกเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบใช้เวลาประมาณ 20 นาที จึงสามารถควบคุมสารเคมีที่รั่วไหลได้ โดยเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบหาสาเหตุ
ที่มา : news.mthai.com

องอาจ เตือน กินน้ำพริกแมงดา เจอ สารแต่งกลิ่น ถึงขั้นชีวิต!

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก ทำเนียบรัฐบาล ดุสิตว่า นายองอาจ ?คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. เปิดเผยว่า
ได้รับการร้องเรียนสมาพันธ์ชมรมคุ้มครองผู้บริโภค กรุงเทพมหานคร กรณีการนำวัตถุแต่งกลิ่นรสสังเคราะห์กลิ่นแมงดานามาทำนำพริกแมงดา ซึ่งเมื่อรับประทานแล้วมีอาการปวดท้อง และเมื่อสัมผัสโดนผิวหนังเกิดอาการผื่นคัน รวมทั้งหยดลงบนกล่องโฟมแล้วสารเคมีจะทำปฏิกริยาละลายโฟมได้ จึงได้ให้ ศูนย์เฝ้าระวังและพิสูจน์สินค้าอันตราย สคบ.ร่วมกับ 8 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์บริการ สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตร และอาหารแห่งชาติ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เครือข่ายนักวิชาการ เพื่อผู้บริโภค สมาพันธ์ชมรมคุ้มครองผู้บริโภค ตรวจพิสูจน์ข้อเท็จจริง พบว่า วัตถุแต่งกลิ่น รส สังเคราะห์แมงดานาที่จำหน่ายในท้องตลาด เป็นสารเคมีสังเคราะห์ขึ้น เพื่อให้เกิด กลิ่น รส ตามต้องการ

ที่มา : news.mthai.com

สารเคมีกัดสีผมรั่ว ซ.รามฯ 104 อพยพคนวุ่น

กรุงเทพฯ 22 ก.ย. – เกิดเหตุสารเคมีที่ใช้ทำน้ำยากัดสีผมของโรงงานใน ซ.รามคำแหง 104 รั่ว ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องอพยพประชาชนที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงเป็นการด่วน
เจ้าหน้าที่กู้ภัยและเจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษ กรุงเทพมหานคร เร่งฉีดน้ำทำลายสารเคมีที่นำไปใช้ทำน้ำยากัดสีผม หลังเกิดสารเคมีไฟร์โซเดียมซัลเฟตกว่า 500 ลัง รั่วในโกดังเก็บสินค้า ซึ่งดัดแปลงมาจากอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ในซอยรามคำแหง 104 เจ้าหน้าที่ต้องสวมชุดป้องกันเข้าไปฉีดน้ำควบคุมการระเหยของสาร และกั้นพื้นที่ภายในซอยเป็นพื้นที่อันตราย พร้อมอพยพประชาชนออกทั้งหมด เนื่องจากหากสูดดมจะส่งผลกระทบต่อปอดและระบบทางเดินหายใจ มีอาการแสบตา มึนศีรษะ และคันตามผิวหนัง โดยจากการวัดระดับพบว่าอยู่ในระดับ 6 ถือว่าเป็นอันตราย แต่ยังไม่ถึงขั้นรุนแรง นอกจากนี้ ยังแจกหน้ากากป้องกันการสูดดมสารเคมีโดยตรงให้ประชาชนที่อาศัยในละแวกใกล้ เคียง
ที่ตั้งของโรงงานยังอยู่ฝั่งตรงข้ามโรงเรียนโสมาภานุสสรณ์ ทางโรงเรียนจึงสั่งปิดและอพยพเด็กนักเรียนชั้นอนุบาล 1 ถึง ป.6 ออกจากพื้นที่ และแจ้งผู้ปกครองมารับกลับ ส่วนวันพรุ่งนี้ (23 ก.ย.) จะสามารถเปิดการเรียนการสอนได้หรือไม่ ต้องรอคำยืนยันจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุข.
ที่มา : news.mthai.com

เกิดเหตุ รถบรรทุกสารเคมีพลิกค​ว่ำ เสียชีวิต1ราย

วันนี้ ( 22 พ.ย.) เมื่อเวลา 07.30 น.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ควนขนุนจ.พัทลุง รับแจ้งจากพลเมืองดีมีอุบัติเหตุรถบรรทุกสารเคมีพลิกคว่ำทำให้คนขับเสียชีวิต 1 ราย




โดยเหตุเกิด ริมถนนสาเซีย ฝั่งล่องใต้ ท้องที่ ม.1ต.ชะมวง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง หลังรับแจ้งจึงเดินทางรุดสอบที่เกิดเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยพัทลุงพร้อมอุปกรณ์ตัดถ่าง ในที่เกิดเหตุ พบเป็นรถบรรทุกสารเคมี 10 ล้อ ยี่ห้อ อีโน่สีขาว ป้ายทะเบียน 70-0440 พะเยา พลิกตะแคงอัดกับต้นไม้ข้างริมทางถนน
ตรงด้านคนขับพบร่างของผู้เสียชีวิต ทราบชื่อ คือนายดำหมาน มูลจิตร อายุ 40 ปี คนขับ ถูกอัดก๊อบปี้ติดกับพวงมาลัยอยู่ในรถ เจ้าหน้าที่ได้ช่วยนำเครื่องตัดถ่างนานกว่า 15 นาทีจึงสามารถนำร่างที่เสียชีวิตออกมาได้ ก่อนนำพิสูจน์ศพอีกครั้ง ที่ รพ.ควนขนุนต่อไป
จากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุนายดำหมาน มูลจิตร ได้ขับรถบรรทุกสารเคมี ออกจากท่าเรือคลองเตย เพื่อมุ่งหน้าไปยังจ.สงขลา เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุรถได้เสียหลักตกข้างทางก่อนพลิกคว่ำจนเสียชีวิตดังกล่าว
ส่วนสาเหตุในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดสาเหตุเกิดจากคนขับขับรถมาคนเดียว และระยะทางไกล เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุน่าจะเกิดอาการหลับใน จนทำให้เกิดอุบัติเหตุ ส่วนสารเคมีที่บรรทุกมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการเฝ้า เพื่อป้องกันการรั่วไหลและห้ามชาวบ้านเข้าใกล้ในระยะห่าง200 เมตร หวั่นจะเกิดอันตราย ขณะรอบริษัทมากู้กลับไป
ที่มา : news.mthai.com

ตรวจสอบแล้ว! สารเคมี ใน ซ.พหลฯ24 เป็น อีลีเดียม 192

เจ้าหน้าที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติเข้าตรวจสอบถังสารเคมีที่พบในซอยพหลโยธิน 24 แยก 2-1 ไม่ใช่กัมมันตรังสี ชนิดโคบอลต์60  แต่เป็นสารอีลีเดียม 192 ไม่พบการรั่วไหล
คืบหน้าล่าสุดเจ้าหน้าที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ยืนยันสารเคมีที่พบไม่ใช่โคบอล์ต 60 ไม่มีการรั่วไหล ระบุเป็นอีลีเดียม 192 ใช้ตรวจรอยเชื่อมในภาคอุตฯ ระดับรังสีหมดลงแล้ว พร้อมระบุว่าแม้ตรวจจสอบพบว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้จะใช้งานและระดับรังสีหมดไปแล้ว ก็จะเคลื่อนย้ายไปไว้ที่สำนักงานเพื่อให้ประชาชนมั่นใจ

เมื่อเวลาประมาณ 15.20 น. ที่ผ่านมา เพจ FM. 91 Trafficpro ได้รายงานว่าเกิดเหตุสารเคมีรั่วไหลในโกดังสินค้าแห่งซ.พหลฯ 24 เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จากสำนักงานปรมณูเพื่อสันติ เข้าตรวจสอบแล้ว พร้อมสั่งเร่งอพยพคนออกจากพื้นที่ และประกาศให้ประชาชนที่อยู่บริเวณดังกล่าว ปิดประตูและหน้าต่างเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
โดยเจ้าหน้าที่จากสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากนี้สามารถตรวจสอบได้ว่าบริษัทใดเป็นผู้นำเข้าอุปกรณ์ชิ้นนี้ การนำมาทิ้งไว้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสอบสวนต่อไปเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ส่วนใครที่พบเจอวัตถุต้องสงสัยที่มีสัญลักษณ์เกี่ยวกับรังสี สามารถแจ้งได้ที่ 089-200-6243 ได้ตลอด 24 ชม




บื้องต้นคาดว่า เป็น สารกัมมันตรังสีโคบอลต์ 60 ซึ่งเป็นสารอันตราย ที่ใช้สำหรับรักษาผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ที่ถูกรังสีนี้จะให้เกิดเม็ดเลือดขาวต่ำ มีอาการอ่อนเพลีย มือไหม้พอง และสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งบางคนมีอาการตื่นกลัวไม่ยอมรักษาโดยวิธีฉายรังสีจากโคบอลท์-60 หรือสารรังสีหรือแร่โคบอลท์-60 ประกอบด้วย รังสีแกมม่าและรังสีเบต้าและรังสีที่ใช้เป็นตัวรักษาเป็นอันตราย
คือ รังสีแกมมา มีแรงทะลุทลวงมากกว่า รังสีเบต้ามากโคบอลท์-60 เป็นสารรังสีที่ใช้ในทางการแพทย์ในไทย ตั้งแต่ พ.ศ.2501 โดยปัจจุบันใช้เป็นต้นกำเนิดรังสีแกมม่า สำหรับรักษาโรคมะเร็ง โดยอาศัยคุณสมบัติของรังสีที่สามารถทำลายเซลล์มะเร็ง ทำให้ผู้ป่วยหายจากโรคมะเร็งได้ และปัจจุบันนี้ก็มีผู้ป่วยมะเร็งชาวไทยจำนวนมากมายที่รอดชีวิตจากโรคมะเร็งเกิน 10-30 ปี
ที่มา : news.mthai.com

หนุ่มคลั่ง บุกทุบห้องสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลบางแสนพังเละ หวิดดับคาสารเคมี

วานนี้(31 มี.ค.) เฟซบุ๊กเพจ SV News ข่าวบางแสน ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า สภ.แสนสุข จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งจาก รปภ.ว่ามีคนคลุ้มคลั่งบุกเข้า...